รักษาแผลเป็น ด้วย เลเซอร์
 
แผลเป็น คือร่องรอยจากการรักษาแผลตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อเกิดแผลขึ้นบนผิวหนังไม่ว่าจะบริเวณใด ร่างกายของเราจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “คอลลาเจน” ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อทดแทนบริเวณที่เกิดรอยแผล ทำให้แผลปิดสนิท ในกรณีที่แผลปิดสนิทดีตามกระบวนการหายของแผล การปล่อยให้แผลแห้ง ตกสะเก็ด ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น แต่อาจจะเป็นเพียงรอยด่างขาว รอยแดง ซึ่งจะค่อยจางลงได้เองหรือสามารถรักษาเบื้องต้นได้ด้วยผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดผลัดเซลล์ผิว ก็จะช่วยให้รอยจางลงได้เร็วยิ่งขึ้น
 
แต่หากแผลปิดสนิทดีแล้วแต่ร่างกายยังคงผลิตคอลลาเจนออกมาอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อทดแทนมากเกินที่เสียหายจากรอยแผล ก็จะทำให้เกิด แผลเป็น! ซึ่งกรณีนี้จะเป็นได้ทั้งแผลเป็นนูน หรือแผลคีลอยด์ ที่ไม่มีใครต้องการ
 
ทำให้เกิดความไม่มั่นใจให้กับคุณผู้หญิง โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่ปูดนูนเห็นเด่นชัดอยู่บนผิว ยิ่งถ้าแผลเป็นนั้นอยู่ในตำแหน่งที่คนอื่นมองเห็นชัดเจน ซึ่งรอยแผลเป็นนอกจากจะทำให้ผิวดูไม่สวยงามแล้ว บางทียังเกิดอาการคันจนสร้างความรำคาญใจให้อีกด้วย
 
ลักษณะของ แผลเป็น มีหลายลักษณะ
	- แผลเป็นนูน จะมีลักษณะนูนขึ้นเหนือรอยแผลเพียงเล็กน้อย และไม่ขยายเกินขอบเขตรอยแผล มักปรากฎขึ้นในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนหลังแผลหาย ซึ่งจะค่อยๆ นิ่มลง ยุบลง และจางลงได้เองในระยะเวลาประมาณ 1 ปี
- แผลเป็นคีลอยด์ จะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากแผลอย่างชัดเจน มีการขยายวงกว้างจากรอยแผลเดิม และมีสีที่แดง คล้ำ เข้มกว่าสีผิวปกติอย่างเห็นได้ชัด มักจะมีอาการคันและเจ็บร่วมด้วยในระยะแรก แผลคีลอยด์มักจะเริ่มเกิดขึ้นหลังแผลหายไปแล้วประมาณ 3 เดือนขึ้นไป พบได้บ่อยบริเวณหน้าอก หัวไหล่ หลัง ลำคอ และติ่งหู คีลอยด์ไม่อันตราย ไม่ส่งผลร้าย แต่ก็ไม่สามารถหายได้เอง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ฉะนั้นไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็น
ปัจจุบัน การรักษา แผลเป็น ทำได้หลายวิธี ขึ้นกับลักษณะของแผลเป็น และความมากน้อยที่เป็น แพทย์อาจใช้วิธีเดียวหรือหลายๆ วิธีร่วมกันเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด
   
วิธีในการรักษาแผลเป็น
	- ใช้ยาทา ลดรอยแผลเป็น เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์, ยาที่เป็นซิลิโคนเจล, ยาที่มีวิตามิน E หรือวิตามิน A เป็นส่วนประกอบ วิธีนี้จะช่วยให้แผลเป็นที่เป็นรอยแดง รอยคล้ำดำ จะค่อย ๆ จางลง แต่เป็นวิธีที่ต้องมีวินัยและใช้อย่างสม่ำเสมอ
- ฉีดสารเติมเต็ม ในกรณีแผลเป็นที่เป็นรอยบุ๋ม เพื่อให้แผลตื้นขึ้น
- การสักสีผิว ในแผลเป็นที่มีสีเข้มหรืออ่อนกว่าสีผิวปกติ
- ผลัดผิวด้วย MD เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า เพื่อสร้างผิวใหม่มาทดแทน
- การฉายรังสี ป้องกันไม่ให้แผลเป็นนูนมากขึ้น
- การใช้เลเซอร์ ลบรอยแผลเป็นตื้นๆ วิธีนี้เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าการทายามาก แต่ก็ให้ผลการรักษาที่เห็นผลดีกว่า สามารถรักษาได้เฉพาะจุด และมีผลข้างเคียงน้อยหรืออาจไม่มีเลย เหมาะกับแผลเป็นที่เกิดในบริเวณเด่นชัด ซึ่งการทำเลเซอร์ มีได้สองแบบ คือ
- Pulsed Dye Laser เป็นวิธีที่ยิงไปบนแผลเป็นที่มีรอยแดง เช่นแผลสิวแดง ๆ หรือแผลที่นูนแบบคีลอยด์ก็ได้ หลังยิงจะไม่ทำให้เกิดแผลซ้ำ การทำงานของเลเซอร์ คือ จะลงไปที่หลอดเลือดฝอยบริเวณแผลและทำให้แผลแดงน้อยลง แบนลง รอยจางลง แต่ก็ต้องยิงซ้ำหลายครั้ง ยิ่งมากครั้ง ก็ยิ่งดีขึ้น
- Fractional Laser วิธีนี้จะค่อนข้างเจ็บตอนทำ มักจะทาครีมยาชาก่อนทำ การทำงานคือเลเซอร์จะส่งพลังงานลึกลงไปในผิว เป็นหย่อมเล็กมาก ๆ เป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อรอบ ๆ ให้จัดเรียงตัวใหม่ที่เรียกว่า Collagen Remodeling จึงทำให้การรักษาค่อนข้างได้ผลดีกว่าแบบแรก ผลที่จะได้รับ คือ แผลเป็นที่เป็นหลุมบ่อ หลุมสิว เรียบเนียนขึ้น ผิวหน้าส่วนอื่นก็จะมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้นด้วย กรณีที่ทำบนแผลเป็นนูน เช่น คีลอยด์ หรือแผลผ่าตัดที่นูนใหญ่ ก็จะช่วยให้แบนลง เนื้อแผลจะอ่อนนุ่มใกล้เคียงเนื้อปกติมากขึ้น แต่ก็ต้องทำหลายครั้งเช่นกัน แต่วิธีการนี้ ทำเพียงครั้งเดียวก็เริ่มเห็นผลแล้ว แต่ถ้าทำต่อเนื่องกัน 4-5 ครั้ง ก็จะทำให้เห็นผลดียิ่งขึ้นไปอีก
เลเซอร์ช่วยลดรอยดำที่ผิวได้อย่างไร?
พลังงานจากแสงเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีแตกตัวออก จากนั้นเม็ดเลือดขาวจะย่อยสลายเม็ดสีที่แตกตัวออกนั้น ก่อนจะถูกกำจัดด้วยการขับเป็นของเสียออกจากร่างกาย